Covid-19, BlueDot และ ASEAN
บทเรียนหนึ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกในขณะนี้ได้รับจาก Covid-19 คือการออกมาตรการในการป้องกันและปราบปรามกับโรคนี้ที่ช้าเกินไป แน่นอนว่าถ้ามีการเตรียมพร้อมและลงมือตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจจะทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายมากขนาดนี้ คงจะดีไม่น้อยถ้าเรามีเครื่องมือหรือระบบแจ้งเตือนที่บอกเราล่วงหน้าเวลาที่มีโรคระบาดเกิดขึ้น แต่ถ้าจริงๆแล้วเรามีเครื่องมือนั้นอยู่แล้วละ? บทความนี้จะเสนอแนวคิดและหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเรามีเครื่องมือนั้นอยู่แล้ว แต่เราอาจจะไม่ได้มีวิธี/กลไกในการใช้มันได้ดีเท่าที่ควร
สรุปสั้นๆ: ASEAN น่าจะได้รับการแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของ Covid-19 จากสตาร์ทอัพ BlueDot ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งน่าจะทำให้ไทยมีเวลาในการออกมาตรการรับมือโรคระบาดได้ไวกว่านี้
หมายเหตุ: บทความนี้อาจจะมีข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนจากทุกด้าน ผู้เขียนไม่มีเจตนาที่จะชี้ว่าใครหรือหน่วยงานไหนทำงานบกพร่อง เพียงแต่พยายามที่จะทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเพื่อที่จะเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต
BlueDot คืออะไร?
BlueDot คือสตาร์ทอัพสัญชาติแคนาดาที่โด่งดังชั่วข้ามคืนหลังจากที่มีสำนักข่าวต่างๆรายงานว่าบริษัทเป็นรายแรกๆที่สามารถทำนายว่าจะมีการแพร่ระบาดของ Covid 19 ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2019 ข้อมูลหลักที่สตาร์ทอัพรายนี้ใช้ในการทำนายก็คือ ข่าวในอินเตอร์เน็ตของประเทศต่างๆ บวกกับข้อมูลไฟล์ทบินของสายการบินต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลอื่นๆอย่างเช่น ประชากร และ สภาพอากาศ
วิธีการทำงานก็คือระบบจะสแกนหาคีย์เวิดที่เกี่ยวกับโรคต่างๆจากข่าวในหลายๆภาษาโดยใช้ natural language processing (NLP) และก็คำนวนโอกาศที่น่าจะเกิดโรคระบาด หลังจากนั้นเมื่อเอาข้อมูลไฟล์ทของสายการบินมาต่อกับจุดที่เป็นต้นกำเนิดก็จะทำนายได้ว่าน่าจะระบาดไปที่เมืองไหนต่อ
ในเอกสารวิชาการที่ BlueDot เขียนและตีพิมพ์ใน Journal of Travel Medicine เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ได้ระบุว่ากรุงเทพเป็นเมืองปลายทางอันดับ 1 ที่มีผู้โดยสารเดินทางมาจากเมือง Wuhan ของจีนมากที่สุด
ASEAN-BioDiaspora
หรือชื่อเต็มๆว่า ASEAN BioDiaspora Virtual Centre for big data analytics and visualization (ABVC)
ABVC เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ASEAN และบริษัท BlueDot โดยการสนับสนุนของ Global Affairs Canada เพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยชีวภาพในประเทศเอเชียตะวันออกเชียงใต้ ซึ่งไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความร่วมมือนี้
ABVC เป็นเครื่องมือ web-based ที่ผสม Big data analytics กับ visualization เข้าด้วยกัน ใช้สำหรับการวิเคราะห์และตัดสินใจในการรับมือกับภัยชีวภาพอย่างเช่น โรคระบาด เครื่องมือนี้มีส่วนประกอบสองอย่างคือ
- Explorer Tool — Global infectious disease threats + disese events
- Insights Tool — Demonstrates which disease events are relevant to national and regional locations
โครงการนี้เริ่มโครงตั้งแต่ปี 2015 มีการเทรนนิ่งให้กับประเทศสมาชิกในปี 2017 และแล้วเสร็จ Phase 2 เมื่อปี 2018 โดยมีฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้รับผิดชอบโครงการ
ในการประชุม ASEAN Health Cooperation on the Mitigation of Biological Threats เมื่อเดือนมิ.ย. 62 ที่กรุงเทพ ความร่วมมือระหว่าง ASEAN กับ BlueDot ก็ยังคงถูกระบุไว้ในแผน Phase 3
ในหน้าเว็บไซต์ของ BlueDot ก็มีโลโก้ของ ASEAN อยู่เช่นกัน และ BlueDot ก็ยังระบุอีกด้วยว่าบริษัทเป็นรายแรกๆในโลกที่ตรวจพบการระบาดของ Covid-19 และได้แจ้งเตือนลูกค้าเกี่ยวกับการระบาดของ Covid-19 ผ่าน Insights Platform
Timeline
- 31 ธ.ค. 10:12 น. ระบบอัตโนมัติ HealthMap ของ Boston Children’s Hospital แจ้งเตือนการระบาดที่จีนเป็นระบบแรก แต่ผู้ดูแลระบบยังไม่ได้ให้ความสนใจจนกระทั่งหลายวันต่อมา
- 31 ธ.ค. 10:59 น. นักระบาดวิทยาที่นิวยอร์คได้รับอีเมล์ส่วนตัวจากจีนเกี่ยวกับข่าวการแพร่ระบาดของโรค และได้ลงรายงานภาษาอังกฤษบนเว็บไซต์ ProMED-mail
- 31 ธ.ค. ทางการจีนแจ้งไปยังออฟฟิต WHO ประจำประเทศจีน
- 31 ธ.ค. ไต้หวันเริ่มตรวจผู้โดยสารที่บินตรงมาจาก Wuhan โดยสกรีนผู้โดยสารที่มีไข้ก่อนลงจากเครื่อง
- ศ. 31 ธ.ค. BlueDot แจ้งเตือนลูกค้าเกี่ยวกับโรคระบาดที่ Wuhan และทำนายว่าจะแพร่ต่อไปที่กรุงเทพ, กรุงโซล, ไทเป และ โตเกียว ภายในไม่กี่วันหลังจากนั้น
- 1 ม.ค. WHO ร้องขอข้อมูลเพิ่มเติมจากจีนเพื่อประเมิณความเสี่ยง
- จ. 3 ม.ค. สิงคโปร์เริ่มคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจาก Wuhan Time line
- จ. 3 ม.ค. ไทยเริ่มดำเนินการคัดกรองผู้ป่วยที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
- 4 ม.ค. อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า กรมควบคุมโรคได้มอบหมายให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ คัดกรองคนที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นที่มีอาการไข้ และอาการที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ โดยใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อและอ้างอิงโรคซาร์ส
- 4 ม.ค. CDC ของสหรัฐแจ้งเตือนเกี่ยวกับโรคระบาดใน Wuhan
- 8 ม.ค. กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยรายหนึ่งที่เดินทางมาจาก Wuhan และมีไข้สูงมากกว่า 38 องศาฯ
- 13 ม.ค. พบผู้ติดเชื้อในไทยรายแรกเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน
- 20 ม.ค. ASEAN BioDiaspora Virtual Centre (ABVC) ออกรายงาน Risk Assessment ฉบับแรก
- 22 ม.ค. พบผู้ติดเชื้อในไทยเพิ่มเป็น 4 ราย เป็นชาวจีน 3 ราย ชาวไทย 1 ราย
- 23 ม.ค. กระทรวงสาธารณสุข เปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเฝ้าระวังผู้ป่วยที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น
- 27 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงผ่านทีวีพูล ยืนยันรับสถานการณ์ได้ 100% และยกระดับศูนย์ปฏิบัติการ มีนายกฯดูแลสั่งการ
- 26 มี.ค. ไทยประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
- 15 มี.ค. รัฐ California ของสหรัฐประกาศความร่วมมือกับ BlueDot
คำถาม
- ไทยได้รับการแจ้งเตือนจาก BlueDot หรือ ASEAN-BioDiaspora หรือไม่
- ถ้าได้รับการแจ้งเตือน เหตุใดไทยจึงใช้เวลานานถึง 3 วันก่อนที่จะมีการเริ่มคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจาก Wuhan การแจ้งเตือนมีข้อมูลความเสี่ยงอะไรอยู่บ้าง และไปถึงผู้ที่รับผิดชอบในระดับใด
- ถ้าไม่ได้รับการแจ้งเตือน กลไกการทำงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลของ ASEAN Health Cluster 2 และ Mekong Basin Disease Surveillance (MBDS) เป็นอย่างไร ทำไมการแจ้งเตือนถึงไม่มาถึงไทย
ปัญหาเชิงสถาบันคืออะไร?
ปัญหาเชิงสถาบัน (Institutional problem) คือปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันที่มีความซับซ้อนอย่างมาก เช่น ปัญหาเชิงโครงสร้าง การแบ่งอำนาจ หน้าที่ความรับผิดชอบ และการปฏิบัติงาน ตัวอย่างของปัญหาเหล่านี้:
- ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะ — ที่เราอาจจะคิดว่าเกิดจากสึนามิที่ทำให้เตาปฏิกรทำงานผิดปกติจนควบคุมไม่อยู่ และมีการรั่วไหล่ของสารกัมมันตรังสีเป็นวงกว้างที่ จริงๆแล้วเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยนิวเคลียของญี่ปุ่น ถูกวางโครงสร้างและผลประโยชน์ไปทับซ้อนกับบริษัทเอกชน (conflict of interest) จนทำให้การตรวจสอบที่ควรจะมีในหลายๆชั้นกลับถูกละเลย และเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่รอวันระเบิดในที่สุด [paper]
- ไต้หวัน สิงคโปร์ ทำไมถึงจัดการ Covid-19 ได้ดี? — ถ้าลองย้อนกลับไปดูจำนวนเคสของโรค SARS ตามประเทศต่างๆ จะเห็นได้ว่าไต้หวันและสิงคโปร์เป็นประเทศอันดับต้นๆรองลงมาจากจีนที่มีจำนวนเคสผู้ติดเชื้อมากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ทำไมสองประเทศนี้ถึงสามารถคุมเกมได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีการระบาดของ Covid-19 เพราะว่าเขาเตรียมพร้อมและซักซ้อมรอวันที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
- น้ำท่วมอุบลปี 62 — ไทยมีสองหน่วยงานที่ทำหน้าที่แจ้งเตือนภัยทางด้านสภาพอากาศ คือ คลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ กับ กรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อย้อนกลับไปดูรายงานของคลังข้อมูลน้ำ มีบันทึกการส่ง sms แจ้งเตือนล่วงหน้าให้กับประชาชนตั้งแต่สิ้นเดือนส.ค.ก่อนหน้าที่จะมีพายุเข้า แต่หลังจากที่พายุผ่านไปแล้วประมาณปลายก.ย. กรมอุตุเพิ่งจะมีการประชุมหารือแนวทางในการส่ง sms
สรุป
ปัญหาเชิงสถาบันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและมักจะมองไม่เห็น แต่ในขณะเดียวกันความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอาจก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลอย่างที่คาดไม่ถึง การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถทำได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่จะต้องอาศัยการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ วิเคราะห์ความเสี่ยงของเหตุการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และฝึกซ้อมแผนจัดการฉุกเฉิน และการประสานงานข้ามหน่วยงานอย่างเป็นระบบ
ในอนาคตที่โลกดูเหมือนว่าจะมีภัยพิบัติที่รุนแรนและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ การลงทุนในระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า (early warning system) และ การฝึกซ้อมปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติงาน (standard operating procedure) ดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องเน้นให้มากขึ้น คำถามที่เราควรจะถามตัวเอง ครอบครัว สังคม และรัฐบาลในวันนี้คือ เราพร้อมแค่ไหน ถ้าเราต้องเจอกับภัย… ในอนาคต