บทความนี้จะขอเขียนเล่าถึงค่าครองชีพในญี่ปุ่นจากประสบการณ์ที่ไปทำงานมา 1 ปี 9 เดือนนะครับ จริงๆแล้วตั้งใจจะเขียนมานานแล้วละ เพราะอยากจะรีวิวการใช้จ่ายของตัวเองที่ผ่านมา และก็แชร์ประสบการณ์ให้กับคนอื่นๆที่จะมาทำงานที่ญี่ปุ่นในอนาคตด้วยด้วย ซึ่งปกติแล้วผมก็ไม่เคยตั้งใจมาย้อนดูการใช้จ่ายของตัวเองเลย นี่ก็จะเป็นโอกาสที่ดี ข้อมูลทั้งหมดก็จะเป็นข้อมูลที่ผมบันทึกเองทุกครั้งที่มีการใช้เงินนะครับ
โดยแอพที่ผมใช้จดมีชื่อว่า Spendee ครับ เป็นแอพที่ใช้บันทึกรายรับรายจ่ายที่มีสรุปเป็นกราฟให้เข้าใจได้ง่าย สามารถใช้ได้ทั้งผ่านเว็บและแอพ และที่สำคัญก็คือใช้ฟรีสำหรับ 1 กระเป๋าเงินครับ
บทความนี้ก็จะเขียนสดๆ โดยไม่ได้ดูข้อมูลล่วงหน้า ผู้เขียนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับว่าจะมีตรงไหนที่น่าสนใจรึปล่าว ยังไงก็ลองติดตามไปพร้อมๆกันดูเลยครับ
ยอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 2,816,529 เยน (8.06 แสนบาท) หารรวมๆต่อเดือนก็ 42,426 บาท/เดือน
ประเภทของค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุด
- ค่าเช่าบ้าน 33%
- ค่ากิน 18%
- ค่าเที่ยวและตั๋วเครื่องบินกลับไทย 3 ครั้ง 11%
- ค่าเดินทางต่างๆ เช่น รถไฟ, ค่าจ่ายตลาดทำอาหารกินเอง 7%
- ค่าช้อปปิ้งของที่อยากได้ 5%
ค่าบ้าน
อันนี้ fix cost เลยเนอะ อยู่ที่ 55,180 เยน/เดือน (15,792 บาท/เดือน) ซึ่งห้องที่อยู่มีขนาด 33 ตร.ม. ซึ่งก็ถือว่าเป็นขนาดที่อยู่คนเดียวสบายๆเลย ตัวห้องเป็นแบบ 1DK คือมีห้องครัวแยกกับห้องนอน ที่ตั้งก็อยู่ห่างจากที่ทำงานไปแค่หนึ่งสถานีรถไฟเท่านั้น ถ้าอยู่ไกลออกไปอีกสถานีนึงก็คงได้ถูกกว่านี้สัก 10,000 เยนได้ ตัวบ้านที่เช่าเป็นของ UR House อารมณ์ประมาณบ้านเอื้ออาทรของญี่ปุ่น แต่คุณภาพดีนะ แน่นอนว่าถ้าอยู่ในโตเกียวก็จะราคาแพงกว่านี้และก็ห้องเล็กกว่านี้ครับ
ค่ากิน
โอ้โห อันนี้ขึ้นๆลงๆมากเลย ช่วงเดือนแรกๆอาจจะจดไม่ครบ หรือเป็นไปได้ว่ายังขี้งกอยู่555 ค่ากินนี้ก็เป็นตัวบ่งบอกได้เลยว่าช่วงไหนที่มีสังสรรค์เยอะ กินข้าวนอกบ้านบ่อย หรือไปเที่ยว ค่ากินก็จะสูงมาก เดือนสุดท้ายนี้เที่ยวเกือบครึ่งเดือนได้ ถ้าทำอาหารกินเองที่บ้านก็จะประหยัดค่ากินไปได้เยอะเลย แต่เยอะจริงรึปล่าวเดี่ยวต้องดูตรงค่าจ่ายตลาดเนอะ
ค่ากินปกติก็จะอยู่ที่ประมาณ 500–1,000 เยนต่อมื้อครับ ถ้าไม่ใช่ร้านเหล้าหรือร้านที่หรูหน่อย แต่มันก็จะมีแบบว่าถ้าเป็นตอนอาหารกลางวันก็จะมีโปร แบบ 700 800 เยน อะไรแบบนี้ แต่พอเป็นมื้อเย็นก็จะราคาแพงขึ้นเป็น 1,000+ ถึง 3,000 เยนเลยก็มี ส่วนใหญ่มื้อเย็นผมก็เลยจะทำกินเองสะเป็นส่วนใหญ่
สรุปค่ากิน ต่ำสุด 3000 กว่าบาท สูงสุด 16,550 บาท เฉลี่ยเดือนปกติอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทครับ วันที่จ่ายเงินบ่อยที่สุด: วันศุกร์
ค่าเที่ยว
สำหรับค่าเที่ยวนี้ก็จะเป็นพวกค่าเที่ยวที่เป็นทริป ค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่รวมค่ารถไฟและบัสนะครับ อันนี้ก็จะใช้จ่ายไม่ค่อยบ่อยเท่าไร ใช้ไปทั้งหมด 43 ครั้ง บินกลับไทย 3 ครั้ง เป็น Airasia 2 ครั้ง, การบินไทย 1 ครั้ง ตั๋วเครื่องบินนี้เป็นอะไรที่จองล่วงหน้านานมาก เพื่อที่จะได้โปรถูกๆ แต่ถ้าบินช่วงวันหยุดยาวก็เลี่ยงไม่ได้เลยละครับ
สรุปค่าเที่ยว ต่ำสุด 0 (ไม่ได้เที่ยวเลย? 555), สูงสุด 19,325 บาท วันที่จ่ายบ่อยที่ที่สุด: วันศุกร์
ค่าเดินทาง ค่ารถไฟ รถบัส
หลักๆของค่าเดินทางก็จะเป็นค่ารถไฟเนี่ยและครับ ก็จะมีทั้งส่วนที่เป็นการนั่งรถไฟไปทำงาน และก็นั่งรถไฟหรือรถบัสไปเที่ยวไกลๆ นี้ก็ประหยัดไปได้บ้างเพราะขี่จักรยานไปทำงาน ซึ่งถ้าต้องนั่งรถไฟไปที่ทำงานที่อยู่ห่างไปแค่หนึ่งสถานีก็จะต้องเสีย 140 เยน (40 บาท) ถ้าซื้อตั๋วรายเดือนก็ 3,880 เยน (1,110 บาท) แต่ถ้าวันไหนหนาวมากๆหรือฝนตกนี่ก็ไม่ขี่ไปเหมือนกันครับ ส่วนตัวแล้วชอบขี่จักรยานมากกว่า เพราะรถไฟช่วง 7.30-8.45 นี่คนแน่นมากก วันไหนฝนตกนี่คือทำใจได้เลย
สรุปค่าเดินทาง ต่ำสุด 600 บาท สูงสุด 8,120 บาท เฉลี่ยเดือนปกติ 3,900 บาท วันที่จ่ายบ่อยที่สุด: วันเสาร์ (เข้าโตเกียว)
ค่าจ่ายตลาด
เดือนแรกนี่จดผิดแน่ๆไม่นับละกัน ค่าจ่ายตลาดในที่นี่ก็คือการไปซื้อของที่ซุปเปอร์เนี่ยและครับ ซื้ออาหารมาทำกินเองบ้าง ซื้อขนมบ้าง เครื่องดื่มบ้าง
สรุปค่าจ่ายตลาด ต่ำสุด 1,500 บาท สูงสุด 4,779 บาท เฉลี่ยเดือนปกติน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,600 บาท วันที่จ่ายบ่อยที่สุด: วันอังคาร (ของหมด)
ค่าช้อปปิ้ง ของฟุ่มเฟือย
หลักๆของหมวดนี้ก็จะรวม 3 อย่างเข้าด้วยกัน
- เฟอร์นิเจอร์/เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ต้องซื้อตอนย้ายเข้าห้องแรกๆ (เดือนแรก) เช่น
- ตู้เย็น 99L จาก amazon 19,100 เยน (5,466 บาท)
- เครื่องซักผ้า จาก amazon 15,980 เยน (4,573 บาท)
- โต๊ะทำงาน amazon 4,965 เยน (1,421 บาท)
- ทีวี 26 นิ้วมือสองจากคนไทย 15,270 เยน (4,370 บาท)
- เก้าอี้โซฟา nitori 7,943 เยน (2,273 บาท)
- จักรยาน Aeon bike 17,564 เยน (5,027 บาท)
ข้อดีอย่างนึงของญี่ปุ่นคือเป็นสังคมของมือสอง คือซื้อ-ขายของมือสองคุณภาพดีได้ไม่ยากเลย อย่างผมก่อนกลับนี่ก็ขายไปได้เยอะเหมือนกัน แต่ไม่ได้ตั้งใจขายมาก คิดว่าได้คืนประมาณเกือบ 30–50% ของราคาของที่ซื้อมาเลยนะครับ ลองดูจากลิ้งค์นี้ได้555
2. ของฝากคนอื่นที่ต้องซื้อเวลาจะกลับไทย (กันยา กับ พฤษภาเดือนสุดท้าย)
- ขนม ของฝาก เครื่องสำอาง แชมพู — เฉลี่ย 7,500 บาทต่อครั้ง
3. ของที่ตัวเองอยากได้เอง (เดือนอื่นๆ) เช่น
- Google home mini ตอนลด 50% ราคา 3,240 เยน (927 บาท)
สรุปค่าช้อปปิ้ง ต่ำสุด 0 (ไม่ซื้ออะไรเลย?) สูงสุด 9,370 บาท วันที่จ่ายเยอะที่สุด: วันอาทิตย์
ค่าบันเทิง
หมวดนี้รวมแบบจิปาถะมาก มีตั้งแต่ค่ากินเบียร์ ค่าเข้าดิสนี่ซี คอนเสิท ดูหนัง คาราโอเกะ ดูบาสเก็ตบอล ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ วัด อีเว้น
สรุปค่าบันเทิง ต่ำสุด 0 สูงสุด 7,135 บาท (ทำไมมันน้อยจัง) วันที่จ่ายเยอะที่สุด: วันเสาร์
ค่าการศึกษา
อันนี้ก็จะเป็นพวกค่าหนังสือ ค่าคอร์สออนไลน์ ค่าสมัครมหาลัยป.โท ค่าสอบ TOELF ประมาณนี้นะครับ สังเกตได้ว่าเพิ่งจะเริ่มตอนตุลาปีที่แล้ว555
สรุปค่าการศึกษา สูงสุด 7,852 บาท วันที่จ่ายเยอะที่สุด: วันเสาร์
ค่าสาธารณูปโภค
จริงๆแล้วจดแยกกัน แต่ว่าขอรวมไปเลยละกัน ตามลำดับจากมากไปน้อยเลยนะครับ
- อินเตอร์เน็ตบ้าน เฉลี่ย 3,755 เยน/เดือน (1,075 บาท) — ค่าติดตั้งแรกเข้าแพงมากเกือบ 4000 บาทได้ นัดเสาร์อาทิตย์คิดตังเพิ่ม 900 บาทด้วยนะเออ
- ซิมโทรศัพท์มือถือ LINE Mobile เน็ต 3 GB เล่นแอพโซเชี่ยว เฟส ทวิต ไลน ฟรี 1,874 เยน/เดือน (537 บาท)
3. ค่าแก๊ส — ทำอาหาร และ อาบน้ำอุ่น เฉลี่ย 1868 เยน/เดือน (535 บาท)
4. ค่าไฟฟ้า — เฉลี่ย 1,545 เยน/เดือน (442 บาท) สูงสุด 1,560 บาทตอนมกรา(รวมกับเดือนธันวามาด้วย) สังเกตได้ว่าช่วงหน้าหนาว ประมาณธันวา-กุมภา จะแพงขึ้นมานิดนึง เพราะว่าใช้ฮีตเตอร์
5. ค่าน้ำ — เฉลี่ย 2,534 เยน/2 เดือน (725 บาท) รวมน้ำใช้และน้ำทิ้ง
สรุปค่าสาธารณูปโภค เฉลี่ย 3,314 บาท/เดือน
สรุป
- ค่าบ้านแพงสุด ถ้าอยู่นอกเมืองหรือแชร์กันหลายคนได้ก็จะถูกลงกว่านี้
- ค่าอาหารอันดับสอง ทำอาหารเองบ่อยเท่าไรก็ประหยัดได้มากเท่านั้น
- เมื่อเทียบค่าครองชีพต่างๆและเงินเดือนในญี่ปุ่นกับไทย คิดว่าทำงานที่ญี่ปุ่นน่าจะเก็บตังได้เยอะกว่า แต่ก็อาจขึ้นอยู่กับ lifestyle ของแต่ละคนด้วย
- พวกของฟุ่มเฟือยต่างๆ เช่น รถยนต์ ไอโฟน ญี่ปุ่นราคาถูกกว่าไทย แต่เงินเดือนคนที่นี่เยอะกว่าไทยหลายเท่า
- ถ้ารับงานจากญี่ปุ่นแต่อยู่ไทยได้คงรวย
