รวม Tech Newsletter อัพเดทเทรนด์ที่ใครๆก็อ่านได้

Gain
3 min readNov 18, 2018

--

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งนะครับที่ชอบเทคโนโลยีมากๆ เรียกได้ว่ากินข่าวสารเทคโนโลยีใหม่ๆมากกว่าชอบกินข้าวสะอีก ทีนี้ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อนก็มีไอเดียจะทำ newsletter อัพเดทข่าวสารวงการ Tech เป็นภาษาไทยแต่คิดไปคิดมาเราคงทำได้แปปเดียวแล้วก็ขี้เกียจละ ก็เลยลองลิสสิ่งที่เราอ่านแล้วมาแชร์เป็นบทความดีกว่า เพื่อใครที่สนใจแต่ไม่รู้จะอ่านจากไหนจะได้ลองติดตามดู (เด็กๆก็อ่านได้นะ)

คอนเซ็ปต์ง่ายๆของการอ่านข่าวที่ผมใช้ก็คือ ต้องเป็นข่าวที่อ่านง่าย น่าสนใจ และสรุปสั้นๆ เหมือนมีเลขาส่วนตัว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย และก็ไม่เชื่อว่าการอ่านเยอะๆแบบเน้นปริมาณจะมีประโยชน์มากกว่าอ่านสั้นๆแบบได้ใจความ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือพยายามอ่านข่าวจากต้นฉบับ ข่าวในไทยส่วนใหญ่แปลมาจากต่างประเทศ ไม่ได้หมายความว่าข่าวแปลจะไม่ดี แต่อย่างที่ตอนเด็กๆเคยเล่นเกมส่งสารต่อกัน มันทำให้มีการเปลี่ยนใจความอย่างไม่จำเป็น และแน่นอนช้ากว่าเสมอ

ทีนี้หลายคนอาจจะอ่านข่าวจากเว็บไซต์ หรือ Facebook ก็อยากให้ลองเปลี่ยนมาเป็น Email newsletter ดูเพราะว่าประหยัดเวลา อ่านเมื่อไรก็ได้ และก็ไม่โดนอะไรอื่นๆมาแทรกระหว่างอ่านด้วย สำหรับใครที่ชอบเทคโลยีไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานสายนี้หรือไม่ก็ตาม เด็กหรือผู้ใหญ่ ยังไงก็ลองเลือก subscribe จากลิสที่ผมจัดอันดับมาให้ดูครับ

1. Product Hunt (รายวัน จ.-ศ.)

  • รวม Product ใหม่ๆเจ๋งๆ ทั้งจากสตาร์ทอัพชื่อดังหรือยังไม่ดัง
  • เป็น Community ที่เวลาคนจะ Launch product ใหม่ๆมาจะมาโพสที่นี้ก่อนเสมอ
  • มีบทความอัพเดท ตามด้วยลิสของ Product ใหม่ประจำวันพร้อมคำอธิบายสั้นๆ
  • เวลาคลิกเข้าไปแต่ละ Product จะมีคนคอมเม้น Pros&Cons

*** ใครไม่รู้จะเริ่มอ่านจากอันไหน ขอแนะนำอันนี้ก่อนเลยครับ อันเดียวพอ ***

2. Velocity (รายสัปดาห์)

  • ข่าวสาร / Fun facts / Free ideas
  • เนื้อหาจะยาวขึ้นมานิดนึง แต่อ่านแล้วสนุก ได้ความรู้ทั้งจากวงการ Tech และวงการอื่นๆที่เทคโนโลยีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

3. Morning Brew (รายวัน)

  • เทคโนโลยี + ธุรกิจ คอนเซ็ปต์คือจาก Wall St. to Silicon Valley
  • เนื้อหาค่อนข้างยาว ใครไม่อินด้านธุรกิจอาจจะไม่ชอบ
  • ผมเองก็เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจ นอกนั้นก็ข้ามๆไปครับ

4. Kaggle’s Data Notes Newsletter (นานๆมาที)

ตัวอย่างคอนเทนต์ในอีเมล์
  • โปรเจค Machine learning/Data science เจ๋งๆ มีทั้งที่เป็น Open Data และโปรเจคที่บริษัทใหญ่ๆมาเป็นสปอนเซอร์ให้คนมาแข่งกัน
  • ไว้อัพเดทว่าตอนนี้วงการ AI พัฒนาไปถึงไหนแล้ว และจะมีผลกระทบกับวงการไหนบ้าง
  • https://www.kaggle.com/page/data-notes

5. MIT Technology Review (รายวัน/รายสัปดาห์)

  • มีให้เลือกหลายหมวดหมู่ Emerging technology, Tech in workplace, Blockchains, AI, Tech Review
  • ส่วนใหญ่จะเป็นบทความแนวหัวก้าวและผลกระทบของของเทคโนโลยี เช่น Ethics of Self-Driving Cars ไม่ก็เทคโนโลยีใหม่ๆที่ค่อนข้าง Technical

6. Stanford Business Email (ทุกๆ 2 สัปดาห์)

  • เน้นด้าน Innovation, Society, Employee, Entrepreneurs, ผลกระทบของเทคโนโลยี
  • แต่ละบทความยาวเลยทีเดียว

7. Indiegogo / Kickstarter (นานๆมาที)

  • Crowdfunding platform ไว้อัพเดทโปรเจคใหม่ๆ
  • ไว้อัพเดท Gadget ใหม่ๆรวมไปถึงราคาและก็ฟีเจอร์

8. TLDR — too long; didn’t read (รายสัปดาห์)

  • Big Tech & Startups, Science & Cutting Edge Technology, Tools, Media, & Open Source
  • เนื้อหายาวๆมากๆและไม่มีรูปเลย อาจจะไม่ค่อยสนุกเท่าไรสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการ Tech

9. Data Engineering news (รายสัปดาห์)

  • อันนี้เนื้อหายาวที่สุด 555 ใครไม่ได้ทำงานสาย Data engineer ไม่แนะนำ
  • Open source and cloud news เช่น Apache Hadoop, Apache Spark, Kafka

10. AgFunder (รายสัปดาห์)

  • ข่าวสาร/การลงทุน FoodTech, AgriTech ทั่วโลก
  • ไทยเราก็เป็นประเทศการเกษตรและได้รับผลกระทบโดยตรงจากเทคโนโลยีด้านนี้

11. Google Alerts

  • อันนี้เป็น Trick ที่หลายๆคนไม่รู้และมีประโยชน์มากๆ
  • เราสามารถตั้ง Keyword หรือคำที่เราสนใจ แล้วให้ Google ส่งเมล์มาบอกเราได้เวลามีอัพเดทจากเว็บหรือข่าวอะไรใหม่ๆเกี่ยวกับคำนั้น

12. Twitter

  • ไม่มีอะไรตรงไปกว่าการอ่านข่าวจากคนที่เป็นต้นกำเนิดของข่าวเอง บางทีหลายๆข่าวก็เอามาจาก tweet ของ Executives บริษัท Tech ต่างๆเนี่ยและ
  • เลือก Follow คนดังๆตามวงการที่เราสนใจ แต่อย่าเล่นจนติดละ555

จบแล้วว ถ้าถามว่าลิสเยอะขนาดนี้ไปเอามาจากไหน จริงๆคือเริ่มจาก 1 เจ้าก่อน แล้วก็ต่อๆกันเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนเยอะแบบนี้นั้นเอง ทุกคนไม่จำเป็นต้องอ่านตามลิสนี้ทั้งหมดนะครับ เลือกเอาและเริ่มจากที่ตัวเองสนใจ อาจจะอ่านวันละ 10–20 นาที ตอนว่างๆอะไรแบบนี้ แต่อย่าอ่านเป็นชม.ๆแบบนั้นก็เยอะเกินไป พออ่านไปสักพักเราก็จะเริ่มรู้เทรนด์ของวงการ และก็อยากให้คิดต่อว่าพอเรารู้เทรนด์แล้วเราเอาไปทำอะไรต่อได้บ้าง

--

--

Gain
Gain

No responses yet